การเลือกชนิดไม้พื้นให้เหมาะสมกับการใช้งาน
เคล็ดลับ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเภทไม้ และ การเลือกใช้ไม้แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับงานประเภทต่างๆอยู่ในหน้านี้ และหากคุณต้องการหาบทความดีๆเกี่ยวกับไม้ และ การตกแต่งบ้านเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านได้ใน หน้า Blog ซึ่งเราจะนำบทความใหม่ๆมาอัพเดทให้ตลอด
การเลือกชนิดไม้พื้นให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ไม้พื้นและไม้ปาร์เก้แต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท
1. ไม้เนื้ออ่อน ได้แก่ ไม้ที่มีเนื้อค่อนข้างเหนียว ทำการเลื่อยหรือตกแต่งได้ง่าย เนื้อไม้มีลักษณะมีสีซีดจาง น้ำหนักเบา ขาดความแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ไม่ดี เช่น ไม้ยาง ไม้ฉำฉา ไม้กะบาก ฯลฯ
2. ไม้เนื้อแข็งปานกลาง ได้แก่ ไม้ที่มีเนื้อแข็งปานกลาง ทำการเลื่อย ไสกบ ตกแต่งได้ยาก ลักษณะเนื้อไม้มีสีค่อนข้างเข้มหรืออาจจะค่อนไปทางสีแดง มีความแข็งแรงทนทาน เช่น ไม้ตะเคียน ไม้ชิงชัน ไม้เต็ง ไม้มะม่วง ฯลฯ
3. ไม้เนื้อแข็ง ได้แก่ ไม้ที่มีเนื้อแข็ง ทำการเลื่อยตกแต่งได้ยากมาก ลักษณะเนื้อไม้เป็นมันในตัว เนื้อแน่น ลายละเอียด มีน้ำหนักมาก มีสีเข้มจัดจนถึงสีดำ มีความแข็งแรงทนทานดีมาก เหมาะกับงานที่ต้องใช้ความแข็งแรงเยอะ เช่น ไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เกลือ ฯลฯ
ไม้ที่เหมาะกับการใช้งานภายนอก
ไม้เนื้อแข็ง และ ไม้เนื้อแข็งปานกลางบางชนิด นั้นเป็นไม้ที่เหมาะกับการนำไปใช้ในงานทำโครงสร้างและงานภายนอก เช่นไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้มะค่า ไม้เนื้อแข็งปานกลาง เช่นไม้ตะเคียน ไม้ตะแบก ซึ่งไม้เหล่านี้จะมีความคงทนต่อการผกร่อน และไม่มีปัญหาเรื่องปลวกมากวนใจอีกด้วย
แต่ก็มีข้อยกเว้น นั่นก็คือไม้สัก ไม้สักนั้นจัดอยู่ในไม้เนื้อแข็งตามมาตรฐานของกรมป่าไม้ แต่เนื้อไม้ของไม้สักนั้นมีความอ่อนนุ่มกว่าไม้เนื้อแข็งอื่นๆ ซึ่งไม้สักนั้นไม่ทนแดด แต่ทนต่อการผุกร่อนมาก และมีสารเคมีตามธรรมชาติพิเศษชนิดนึงชื่อว่า O-cresyl methyl ether ซึ่งพบได้เพียงแค่ในไม้สักและไม้ประดู่ ซึ่งทำให้ไม้สักนั้นทนต่อปลวก เชื้อรา และเห็ด ได้เป็นอย่างดี
ไม้ที่คุ้มค่าต่อการนำไปใช้กับงานภายนอกที่สุด ก็คือ ไม้เต็ง เนื่องด้วยคุณสมบัตัที่ดีแหละเหมาะสม รวมทั้งเรื่องราคาที่ไม่แพงและหาซื้อได้ไม่ยากเมื่อเปรียบเที่ยบกับไม้เนื้อแข็งชนิดอื่นๆส่วนไม้สักถือว่าเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีเนื้อไม้ค่อนข้างอ่อน แต่มีความทนทาน สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก เพราะทนต่อความชื้นและไม่มีปลวกรบกวน
วิธีการดูแลพื้นไม้
1.ทำความสะอาดด้วยความอ่อนโยน
ไม้ปาร์เก้คือหนึ่งวัสดุปูพื้นที่มีความละเอียดอ่อน ฉะนั้นการใช้สอยต้องระมัดระวัง ดังนั้นการดูแลรักษาด้วยการทำความสะอาดอยู่เสมอผ่านการถูด้วยน้ำสะอาดหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นชนิดอ่อนเพื่อให้เนื้อไม้ชุ่มชื้นและขจัดคราบสกปรก ซึ่งสิ่งที่พึงระวังคือไม่ควรใช้น้ำที่เปียกจนเกินไปในการถูเพราะจะยิ่งทำให้เนื้อไม้แห้งช้า ฝุ่นสามารถมาเกาะและติดได้อย่างรวดเร็ว และในส่วนของน้ำยาถูพื้นควรใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้งพอ
2.ทำความสะอาดให้เป็นกิจวัตร
เนื่องจากไม้ปาร์เก้เป็นไม้ชนิดหนึ่งที่มีความอ่อนโยนอย่างมากการทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดที่กล่าวมาข้างต้นสามารถทำได้ทุกวันเพื่อรักษาความสดใหม่และน่างานของพื้นผิวในช่วงเวลา อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากเพราะถ้าเกิดรอยขีดข่วนอาจจะต้องขัดพื้นผิวใหม่คือการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นหมั่นทำความสะอาดพื้นในทุกวันให้เป็นกิจวัตรและระมัดระวังในการใช้สอยพื้นที่เพื่อให้ไม้ปาร์เก้สวยงามอยู่กับเราเสมอ
3.หากเป็นรอย
ในกรณีที่ไม้ปาร์เก้เป็นรอยในบางจุด เราสามารถซ่อมแซมได้ด้วยการนำเอากระดาษทรายแบบหยาบขัดด้วยน้ำหนักที่เบาก่อนที่จะต่อด้วยกระดาษทรายแบบละเอียดขัดด้วยน้ำหนักเบาเช่นกัน เมื่อร่องรอยเริ่มจางให้นำเอาผ้าชุบหน้าหมาดๆมาถูกทำความสะอาด จากนั้นทิ้งไว้จนแห้งแล้วนำเอายูเรเทนทาลงพื้นไม้ปาร์เก้ เพียงเท่านั้นรอยขีดข่วนก็ไม่สามารถกวนใจเราอีกต่อไป ที่สำคัญเราสามารถทำได้ทันทีเมื่อพบเจอ
4.ขัด เคลือบพื้นผิวใหม่
เมื่อใช้ไม้ปาร์เก้ไปในระยะนานๆความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นทุกคนสามารถขัดและเคลือบผิวใหม่ได้ โดยขั้นตอนดังกล่าวควรเลือกใช้ช่างไม้ผู้เชี่ยวชาญในการจัดการ โดยการขัดนั้นต้องขัดด้วยกระดาษทรายปัจจัยนี้อาจทำให้บ้านมีฝุ่นคลุ้ง ฉะนั้นควรนำเอาผ้ามาคลุมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือนทั้งหมด เมื่อขัดเสร็จเรียบร้อยขั้นตอนในการเคลือบผิวนั้นส่วนใหญ่ใช้ยูรีเทนหรือน้ำยาเคลือบเนื้อไม้ทั่วไปเพื่อเพิ่มความเงางาม สวยงาม และดูสดใหม่ให้กับพื้นไม้ปาร์เก้ของเรา สำหรับระยะเวลาในการขัดและเคลือบผิวนั้นอยู่ที่ 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ภายในบ้าน โดยหมั่นทำในทุก 1-2 ปี เพื่อรักษาพื้นผิวของเนื้อไม้ให้ใช้ได้นานและคุ้มค่านั้นเอง
5.ป้องกันเนื้อไม้ทั้งก่อนและหลัง
นอกจากการใส่ใจในการดูแลและทำความสะอาดเนื้อไม้อยู่เสมอ สิ่งที่เราพึงปฏิบัติบ่อยครั้งเช่นกันคือการสองส่องร่องรอยหรือส่วนที่สึกหรออันเกิดจากการใช้งานหรือแม้กระทั่งการกัดกินของปลวกและสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะปลวกนั้นควรฉีดน้ำยาป้องกันตั้งแต่ก่อนปูพื้น รวมทั้งฉีดในทุกปีหลังการปลูกสร้างเสร็จ เพื่อรักษาไม้ให้มีอายุการใช้งานที่เหมาะสม
การดูแลอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียดของไม้ปาร์เก้ช่วยทำให้ภาพรวมของบ้านน่าอยู่อาศัย สะดวกสบายอย่างปลอดภัย และเสริมให้ภาพลักษณ์ของบ้านดูสวยงามอย่างมีรสนิยม